ทริปแรกของสุโก้ยวาเคชั่น 5 วัน 3 คืน กับความประทับใจที่ไม่รู้ลืมเลยทีเดียว เราเดินทางมากับ
พี่เป้ วิศวะ และผู้โชคดีอีก 10 คน !!!
-----------------------------------------------------------------------------
ที่แรกที่เราไปคือพิพิธภัณฑ์เอโดะ เป็นการจำลองเมืองเก่าและเมืองใหม่ของญี่ปุ่น ฝั่งเมืองเก่าของเค้า
ถ้าเทียบกับไทยก็คือรัชกาลที่หนึ่ง ถ้าเป็นฝั่งเมืองใหม่ก็คือรัชกาลที่ห้าของเรา พิพิธภัณฑ์ที่นี่เก็บ เรื่อง
ราวความทรงจำของสมัยนั้นไว้เป็นอย่างดี เหมือนเราเดินหลงอยู่ในยุคเอโดะจริงๆ
บัตรเข้าชม : วันวาเลนไทน์เลยนะจ๊ะ 
***************************************
"อ่านประวัติกันนิดนึงค่ะ และในพิพิธภัณฑ์ที่นี่ ถ้ามีสัญลักษณ์ รูปกล้องทางขวาบนแบบนี้ ก็สามารถถ่ายรูปได้ค่า "
ถ้าเป็นบ้านญี่ปุ่น หรือ สถานที่สำคัญจะมี ถังน้ำอยู่ด้านบน เมื่อพอเกิดไฟไหม้ เค้าจะดึงถังน้ำลงมาเพื่อดับไฟได้ทัน
เกี้ยวของผู้ว่าในสมัยนั้นค่ะ มีน้ำหนักแค่ 61 กิโลกรัมเท่านั้นค่ะ
สะพานยาวที่เราข้ามเพื่อไปชมเมืองเก่า คือ สะพานนิฮงบาชิ ซึ่งเป็นหลักกิโลเมตรที่ 0 ของญี่ปุ่น และแต่ละหัวเสาก็
จะไม่เหมือนกัน ในร้านขายของที่ระลึก ก็จะมีของเล่นที่เป็นรูปหัวเสาด้วย ของที่แสดงแต่ละอย่าง ต้องบอกว่าสุโค่ย
จริงๆ ผังเมืองจำลองเมืองนิฮงบาชิ ที่มีขนาดใหญ่ ให้เราเห็นเรื่องราววัฒนธรรมว่า การค้าขายที่มีมาแต่โบราณ มีคน
มาซื้อขายเยอะมาก ๆ ตัวที่ปั้นเป็นคน ไม่ได้ปั้นเป็นใครก็ได้ แต่ทุกคนคือบุคคลจริงในเมืองนิฮงบาชิ
เดินเล่นจนครบ ก็ได้เวลาไปกินข้าวกันแล้ว
#มื้อนี้มีเรื่องราว !!!!!
เพราะเราไปกินที่ร้านหม้อไฟซูโม่ เจ้าของร้านเคยเป็นแชมป์ซูโม่มาก่อน ในร้านก็จะมีลานซูโม่ รูปซูโม่ที่เป็นภาพจริง
และภาพวาด และหม้อไฟที่เรากินกันนั้น ไกด์บอกว่า ปกติซูโม่ 1 คนกิน 1 หม้อ แต่พวกเรา 1 หม้อกินหลายคนค่ะ
เพราะมันเยอะมากจริง ๆ !!!
ด้านล่างนี้ เป็นบรรยากาศภายในร้านค่ะ
ลานซูโม่จำลอง
ข้างๆร้านค่ะ
นี่แหละค่ะ ชุดอาหารหม้อใหญ่ของเรา
กินเสร็จแล้วก็ต้องไปต่อ...ไปย่านชิบะมะตะ ย่านนี้เหมือนเราเดินอยู่ในยุคสมัยโชวะ ซึ่งแต่ละร้านแถวนี้ ดูคลาสสิค
จริงๆ ค่ะ มีร้านขนม ร้านอาหารมากมาย ซึ่งแต่ละร้านขอบอกเลยว่าเค้ายังคงสภาพความเป็นญี่ปุ่นสมัยโชวะ ได้เป็น
อย่างดี มีร้านขนมดังโงะ ที่อยู่ในหนัง Otoko Wa Tsurai Yo ด้วยนะคะ ชิมสิคะ ทางเราไม่พลาดอยู่แล้วค่ะ !!!
ฟินมากจริงๆค่า !!
มาโตเกียวแล้ว จะไม่ไปวัดอาซาคุสะได้ยังไง เพราะว่าวัดนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยค่ะ
ไกด์เล่าให้เราฟังว่า ถ้าใครเคยมาวัดนี้ครั้งนึงแล้ว จะต้องได้มาอีกแน่นอน วัดนี้เริ่มก่อตั้ง 18 มีนาคม ค.ศ.628 ก็
ประมาณ 1,300 กว่าปีก่อนเองค่า มาที่นี่ก็ต้องมาไหว้เจ้าแม่กวนอิม เพราะศักดิ์สิทธิ์มาก ไหว้แล้วอย่าลืมเสี่ยง
เซียมซีด้วยนะคะ เพราะเค้าบอกว่าแม่นมากกกกกจริงๆ ไหว้เสร็จก็ออกมาเดินเล่นถนนสายช็อปปิ้ง
กินซาลาเปาทอดขึ้นชื่อ ฟินจริงๆ ค่า !!!
" นี่แหละคร้าบบบบ ซาลาเปาทอด ดี๊ดี "
ยานากะกินซ่า
เรามาเยือนโตเกียวเที่ยวเมืองเก่า ย่านที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ “ ย่านยานะกะกินซ่า” เป็นย่านที่ยังคงความเก่าแก่ มี
เสน่ห์แบบญี่ปุ่นโบราณ สองข้างทางเป็นร้านค้า มีสินค้าพื้นเมือง ผลไม้ และก็ขนมต่างๆ ซึ่งทางเราเอง ก็ได้ลองชิม
ขนมหางแมว พูดเลยว่าอิ่มมากค่ะ อิ่มแล้วก็ต้องเดินค่ะ เราเดินไปที่วัดคันนงจิกัน ซึ่งวัดนี้มีเรื่องราวของ 47 โรนิน
นักสู้ที่มีชื่อเสียงด้านความจงรักภักดีและความกล้าหาญ 47 คน ที่เค้าเอามาทำเป็นหนัง บรรยากาศภายในวัดมีความ
ขลังบางอย่าง บอกไม่ถูกเลยจริงๆ ค่า
สตรอเบอรี่ลูกใหญ่ ฉ่ำ หวานมากเลย
กำแพงเก่าระหว่างทางเดินไปวัดคันนงจิกัน
" วัดคันนงจิกัน"
ด้านหลังเป็นสุสานค่ะ
เมืองเก่าโตเกียว...มีให้เราเที่ยวมากมาย มีร้านนึงเราไปเจอแบบบังเอิญจริงๆ เพราะเหนื่อยจากการเดินเที่ยวชม
เมือง เห็นคนต่อแถวรอคิวกันมากมาย และคนก็เดินเข้ามากันไม่ขาดสาย (ขนาดว่าร้านอยู่ในตัวตึกนะคะ ) แสดงว่า
ต้องเป็นร้านที่อร่อยแน่นอน เราตัดสินใจรอ และแล้วก็ถึงคิวเรา...เนื่องจากโต๊ะเต็มจริงๆ และจำนวนคนเราก็เยอะ
กว่าคนอื่นที่มานั่นแหละ เราไป 5 คน ได้นั่งห้อง VIP เลยค่ะ ฮ่าๆ ร้านชื่อว่า “ A Happy Pancake” หืมมม แพน
เค้กเค้าดีจริงค่ะ กลิ่นหอม นุ่มละมุน ละลายในปาก หมดภายในพริบตา ใครไปโตเกียวแนะนำค่ะ
อาจต้องรอคิวหน่อย แต่บอกเลยว่าคุ้มที่รอจริงๆ ;)
" ร้าน A Happy Pancake กินแล้วแฮปปี้เหมือนร้านจริงๆค่ะ"
" นี่แบบออริจินัลค่ะ เนื้อละมุน นุ่ม ละลายในปากเลยค่ะ คุณขา"
นี่ก็อร่อย หอมละมุน ไม่หวานมากด้วยค่ะ
Sugoi Vacation Retro Tokyo เพราะโตเกียวมีเสน่ห์อีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ!!!
ทริปหน้ามา Sugoi ด้วยกันนะคะ คลิก Green Wave Fanpage
"เรื่องโดย : karupreeya"